เทียบกันให้เห็น! เชลซียุค ‘ท็อดด์’ ปะทะ อาร์เซนอลในมือ ‘เอดู’
สัปดาห์ที่ผ่านมา คงไม่มีเรื่องไหนในวงการบอร์ดบริหารสโมสรฟุตบอล จะน่าสนใจไปมากกว่าการที่ เอดู กาสปาร์ อำลาตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาของ อาร์เซนอล
อดีตกองกลางทีมชาติบราซิล เข้ารับตำแหน่งดังกล่าวในเดือนพฤศจิกายน 2022 แต่ก็ทำงานเบื้องหลังกับ ‘ปืนใหญ่’ ตั้งแต่ปี 2019 ซึ่งก็ถือว่าไล่เลี่ยกันกับการที่ เชลซี ได้มีการเปลี่ยนแปลงยุคสมัยจาก โรมัน อับราโมวิช มาอยู่ในมือของ ท็อดด์ โบห์ลี่ ซึ่งถ้าจะต้องวัดกันแล้วนั้น ใครจะเป็นหนึ่งบนผืนแผ่นดินลอนดอนล่ะก็ ตามอ่านกันต่อที่นี่ได้เลยครับ
ที่หนึ่งของลอนดอน
ก่อนจะไปติดตามเรื่องของสุดยอดทีมจากเมืองหลวงกันต่อ ตอนนี้ LS Sport เพิ่มเกมตอบคำถามแฟนบอลพันธุ์แท้รายวัน และเกมโหวตทายผล ลุ้นรับไอเทมนักเตะระดับตำนานแบบไม่ต้องเติมเงินสักบาทเลย! ก็อย่าลืมรีบไปตุนเหรียญ-เก็บเลเวลกันก่อนหมดเขตนะครับ
ภาพรวมขาเข้า
เชลซี: 1,332.85 ล้านปอนด์
อาร์เซนอล: 530.40 ล้านปอนด์
อันนี้ต้องยอมรับว่าการซื้อตัวของทัพ ‘สิงห์บลูส์’ ในยุคของ ท็อดด์ โบห์ลี่ นี่คือซื้อจนแฟนบอลสงสัยว่า ไม่กลัวการทำผิดกฎทางการเงินบ้างเลยหรืออย่างไร เพราะเล่นทุ่มซื้อแบบที่ถ้ามีใครจะเข้ามาแย่ง พวกเขาก็พร้อมจะเกทับด้วยค่าตัว, ค่าเหนื่อย และอายุสัญญาที่ให้มากกว่าจนสโมสรคู่แข่ง ต้องใส่เกียร์ถอยไปตามกัน
ในขณะที่ฝั่ง อาร์เซนอล นั้นซื้อเข้ามาน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่เรื่องนี้ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เมื่อพวกเขามีรากฐานที่มั่นคงอยู่ก่อนหน้านี้ อีกทั้งด้วยผลงานที่ได้ขึ้นไปลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในช่วงเวลาดังกล่าว นั่นก็น่าจะมากพอที่ทำให้พวกเขาดูเหนือกว่าในยกนี้
ซื้อเข้าแพงที่สุด
เชลซี: เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ (121 ล้านปอนด์)
อาร์เซนอล: ดีแคลน ไรซ์ (116 ล้านปอนด์)
ข้อนี้เหตุผลที่ต้องให้ฝั่ง ‘ปืนใหญ่’ ชนะไปได้ นั่นไม่ใช่เพราะแค่ว่าพวกเขาซื้อถูกกว่าที่ 5 ล้านปอนด์ แต่นั่นเพราะว่าอดีตกองกลาง เวสต์แฮม ยูไนเต็ด นั้นทำผลงานได้ดีกว่าจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการตัดเกมที่ยังทำได้อย่างยอดเยี่ยม สมกับการที่เติบโตมาจากตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับ ซึ่งภายใต้การคุมทีมของ มิเกล อาร์เตต้า นั้นกลายเป็นว่าเขามีส่วนร่วมกับเกมรุกมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นคนเปิดลูกเซ็ทพีช ที่เป็นอาวุธหนักของทีมในเวลานี้
ส่วน เอ็นโซ่ นั้นไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่เขายังไปไม่ถึงจุดที่แฟนบอลคาดหวัง เมื่อทัพ ‘สิงห์บลูส์’ ลงทุนในระดับสถิติพรีเมียร์ลีก เพื่อดึงนักเตะดีกรีแชมป์โลก เข้ามาอยู่กับทีม ซึ่งถึงแม้ว่าจะไม่ได้แย่ แต่มันควรต้องดีกว่านี้
ภาพรวมขาออก
เชลซี: 544.16 ล้านปอนด์
อาร์เซนอล: 176.79 ล้านปอนด์
มาถึงตรงนี้ต้องบอกว่า เชลซี ทำได้ดีกว่าบ้างแล้ว เมื่อภาพรวมบางฤดูกาล พวกเขาขายนักเตะออกไปได้มากกว่าที่ อาร์เซนอล ทำรวมกันตลอด 3 ปีซะอีก นอกจากนั้นผู้เล่นที่ทีมของ ท็อดด์ โบห์ลี่ ได้ขายออกไปนั้นก็เป็นผู้เล่นที่อยู่นอกแผนการทำทีมของผู้จัดการทีมในขณะนั้น
ส่วนฝั่ง อาร์เซนอล นั้นนอกจากจะขายได้ไม่แพงเท่าไหร่แล้ว ยังเสียผู้เล่นคีย์แมนอย่าง กรานิต ชาก้า ออกจากทีม ซึ่งต้องบอกว่า ‘หนีจากพี่ ได้ดีทุกคน’ เพราะว่าซีซั่นที่แล้วเขาได้แชมป์ บุนเดสลีกา และ เดเอฟเบ โพคาล กับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ประเด็นนี้อาจจะจริงอยู่ที่ว่า ถ้าอยู่ก็คงสำรอง ดีแคลน ไรซ์ แต่ลองคิดดูซิ ถ้าสองคนนี้ได้เล่นด้วยกัน แดนกลางของคุณจะขี่คู่แข่งขนาดไหน
ขายออกแพงที่สุด
เชลซี: ไค ฮาแวร์ตซ์ (75 ล้านปอนด์)
อาร์เซนอล: เอมิล สมิธ โรว์ (31.80 ล้านปอนด์)
หัวข้อนี้ต้องขอให้เสมอกันไป นั่นเพราะว่ามันคือการสูญเสียที่สมน้ำสมเนื้อกันซะเหลือเกิน โดยฝั่ง เชลซี อาจจะขายแข้งทีมชาติเยอรมันได้สูงกว่าเท่าตัว แต่นี่คือการปล่อยนักเตะที่ทำประตูให้ทีมได้ถ้วย ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก เมื่อปี 2021 ให้กับทีมคู่ปรับร่วมเมืองซะอย่างนั้น
ส่วนฝั่ง อาร์เซนอล ถึงจะไม่ได้ราคานัก แต่ว่านี่ก็เป็นผู้เล่นที่พวกเขาไม่ได้ซื้อเข้ามา ทว่ามันก็นาเสียดายที่ต้องขายลูกหม้อสโมสรออกไป แต่ว่ามันก็เป็นเรื่องเข้าใจได้เพราะ สมิธ โรว์ ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับพยาบาล มากกว่าเพื่อนร่วมทีมซะอีก
บทสรุปภาพรวม
คงต้องบอกว่าเถียงกันได้ไม่รู้จบ เนื่องจากทีมนึงก็ควบคุมการซื้อเข้ามาได้ดี ด้านอีกข้างก็ไม่ยอมง่าย ๆ เพราะเหมือนจะหลอกขายนักเตะไปได้หลายคนอยู่เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ยุคใหม่ของ ‘เดอะ กูนเนอร์ส’ กำลังจะเริ่มขึ้น ซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าหลังจากนี้ ‘กรุงลอนดอน’ จะเป็นของฝั่งไหนระหว่าง เชลซี หรือ อาร์เซนอล เพราะถ้าให้เรียนตามตรง ก็ไม่ได้แชมป์ใหญ่กันมาสักพักทั้งสองทีมแล้วนะจ้ะ
เขียนโดย LS Sport
ข่าวกีฬาคนรุ่นใหม่ 24 ชั่วโมง